หน้าแรก | Facebook | กฎ กติกา มารยาท | การสนับสนุนเว็บ | ติดต่อเรา | Line ID : @923ykdea
หน้า 4 ของ 318 แรกแรก ... 234561454104 ... สุดท้ายสุดท้าย
กำลังแสดงผลลัพธ์ 31 ถึง 40 ของ 3179

กระทู้: ส่งฟรีทุกออเดอร์>=>"ร้านอาหารเหนือ ร้านเล็กๆ ครับ"

  1. #31
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    มุมขอเล่าครับ



    1.Cinema Paradiso (1988) (วิมานมายา)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    Cinema Paradiso ของปรมาจารย์ จูเซปเป ทอร์นาทอเร  ต้องขอยกให้เป็นหนังสุดประทับใจ ไร้ขีดจำกัดของกาลเวลาจริงๆ
    ไม่ว่า เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็ต้องอิน จนน้ำตาไหลทุกที 
    ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไร อายุมากขึ้นเท่าไหร่  ต่อมน้ำตาก็ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น
    ต้องให้เครดิต  ความสามารถของเหล่าทีมงาน ไม่ว่าจะเป็น ผกก นักแสดง บทหนัง และ เพลงประกอบอันยอดเยี่ยม
    โดยเฉพาะบทหนัง จี้ได้ตรงจุดหัวใจของผู้ชม ทุกเพศ ทุกวัย  ทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับหนังได้โดยง่าย
    แผ่นบีดี เรื่องนี้มากับระบบเสียง dts hd master 2.0  สุดเก๋า สุดคลาสสิก จริงๆ เลยนะเนี่ย 
    เนื่องจากเป็นหนังที่ไร้ขีดจำกัดของกาลเวลา ก็เลยเอา ที่เคยเล่ามาแล้ว สมัยเป็น ดีวีดี นู้น...มาแปะแบบไม่ต้องแก้ไขอะไรทั้งน้าน..
    ดังภาษิตที่ว่า "เหล้าเก่า ในขวดใหม่" นั่นเอง
     
    เรื่องนี้มีเก็บไว้นานแล้วยังไม่ได้ดูเลย พอดีมีท่านผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการท่านนึง ให้หาเรื่องนี้ให้ เลยนึกอยากดูขึ้นมาทันที
    เนื้อเรื่องเล่าถึง เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งยุติลง
    ผู้คนมีความยากลำบาก มีเพียงโรงหนังชื่อ Cinema Paradiso เท่านั้น ที่เป็นที่ให้ความสุขความบันเทิงแก่ผู้คน
    โดยมีตาแก่ "อัลเฟรโด้" เป็นคนฉายหนังประจำเมือง และมีเด็กชาย "โตโต้ "ที่ฉลาด น่ารัก และหลงใหลในการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ
    ที่ชอบมาขลุกตัวอยู่ที่โรงหนังแห่งนี้ ทั้งสองเป็นคนที่รักการดูหนังเหมือนกัน ดูหนังเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่เบื่อ
    ทำให้เกิดมิตรภาพต่างวัยขึ้น เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไร... ลองหามาชมดูนะครับ ซึ้ง มั๊กๆขอบอก
    
    ฉากที่ดูแล้วอมยิ้ม
    -ฉากที่บาทหลวงประจำเมือง ทำหน้าที่เป็นคนเซ็นเซอร์หนัง ที่มีฉากจูบ
    -ฉากที่ อัลเฟรโด้ ขอให้โตโต้ ช่วยทำข้อสอบ
    -ฉากในห้องเรียน 5*5= ต้นคริสมาส   
    
    ฉากที่ประทับใจ
    -ฉากที่ อัลเฟรโด้ ฉายหนังไปที่กำแพง เพื่อให้คนที่ไม่มีตังซื้อตั๋วได้ดู
    -ฉากที่ อัลเฟรโด้ พูดให้ โตโต้ ไปจากเมืองนี้
    “พวก เราแต่ละคนต่างมีดวงดาวให้ตามไปไขว่คว้า จงไปจากที่นี่เสียเถิด
    อยู่ที่นี่ไปวันๆ เธอคิดว่ามันเป็นศูนย์กลางของโลก
    เธอคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลง
    แล้วเธอลองจากไป ปีหนึ่ง หรือสองปี เมื่อเธอกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป
    สิ่งที่เคยเชื่อมต่อกับเธอถูกทำลายลง อะไรที่เธอกลับมาตามหาก็ไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป
    อะไรที่เคยเป็นของเธอก็หายสาบสูญ เธอต้องไปนานๆ หลายๆ ปี เกินกว่าที่เธอจะสามารถกลับมาที่นี่แล้วยังเจอผู้คนที่เธอรู้จัก”
    (ซึ้งมั๊กๆๆ)
    
    -ฉากที่ แม่ พูดกับ โตโต้ ตอนท้ายเรื่อง
    “แม่ไม่เคยต้องการคำอธิบายอะไรเลย ลูกไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร
    แม่คิดเสมอว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ลูกทำถูกแล้วที่จากไป ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ
    ทุกครั้งที่แม่โทรไปหาลูก เสียงผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ไม่เคยซ้ำกันเลย แต่แม่ไม่เคยได้ยินสักเสียงเลยที่รู้สึกได้ว่าเธอรักลูก แม่รู้สึกได้
    แม่คิดมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยน แม่อยากเห็นลูกลงหลักปักฐาน รักใครสักคน แต่ชีวิตของลูกอยู่ที่นั่น ที่นี่มีแต่ผีทั้งนั้น ไปเถอะลูก โตโต้”
    (น้ำตาจะไหลแล้ว...)
    
    -ฉากที่ โตโต้ ดูของฝากที่ อัลเฟรโด้ ทำไว้ให้ (น้ำตาไหลแล้วครับ...)
    
    FINE...



    2.The Adventures of Tintin (2011)(การผจญภัยของตินติน)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    The Adventures of Tintin เดิมเป็นซีรี่ส์การ์ตูน ของศิลปินวาดภาพชาวเบลเยี่ยม จอร์จส์ เรมี่ ที่ใช้นามปากกาว่า แอร์เช
    สไตล์การวาดรูปของเขา ลายเส้นซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียด ที่สร้างสรรค์จินตนาการให้กับผู้อ่านเป็นอย่างมาก
    ประกอบกับเนื้อเรื่อง ที่ดูซับซ้อนลึกลับแต่ดำเนินไปอย่างราบเรียบ และการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น ณ สถานที่ต่างๆ ชวนให้ติดตาม 
    ทำให้ ตินติน กลายเป็นซีรี่ส์การ์ตูนสุดฮิต คลองใจผู้อ่านทั่วโลก ซึ่งมียอดขายกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลก และมีการแปลมากถึง 80 ภาษา
    และแฟนพันธ์แท้ ตินติน  อีกคนนึง ก็ คือ สตีเว่น สปีลเบิร์ก  ป๋าแกหลงใหล และชื่นชม ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือ ของ แอร์เช ครั้งแรก 
    ทำให้มีแนวคิดที่จะเอา ตินติน โลดแล่นบนจอยักษ์ ตั้งแต่ปี 1983 แต่ติดปัญหา ทั้งเรื่องบทหนังที่ไม่ลงตัว และ เรื่องเงินทุนจากค่ายหนัง
    ประกอบกับ ติดทำหนัง  อินเดียน่า โจนส์ ทำให้โครงการนี้ไม่มีความคืบหน้า  
    
    จนกระทั่งถึงปี 2008  ทุกอย่างลงตัว พร้อมที่จะให้ตินติน ขึ้นสู่จอยักษ์
    แจ็คสัน "สวัสดีครับพี่ มาถึงที่นี่ มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ"
    สปีลเบิร์ก "พอดีพี่คิดจะทำแอนิเมชั่น 3 มิติสักเรื่องนึงนะ"
    แจ็คสัน"เรื่องอะไรละพี่"
    สปีลเบิร์ก"ตินติน ของแอร์เช นะ"
    แจ็คสัน"ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะพี่"
    สปีลเบิร์ก"งั้นก็ดีเลย จะได้คุยกันเข้าใจง่ายหน่อย พี่อยากทำตินติน 3 มิติที่ดูร่วมสมัย
                  แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ต่าง ของเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น โทนสี องค์ประกอบที่โดดเด่นต่างๆ"
    แจ็คสัน"ต้องใช้ โมชั่น แคพเจอร์ เลยพี่ "
    สปีลเบิร์ก"เอาขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วให้บริษัทไหนทำดีละน้องรัก"
    แจ็คสัน"วีต้า ดิจิตอล เลยพี่ ที่ทำวิชวลเอฟเฟคท์ให้กับ the lord of the rings กับ avatar มาแล้้ว" 
    สปีลเบิร์ก"บริษัทของน้องรัก ชิมิ ชิมิ"
    แจ็คสัน"ได้ยินไม่ถนัดเลย คันหูไม่รู้เป็นอะไร"
    สปีลเบิร์ก"โอเค น้องรัก ให้วีต้า ดิจิตอล จัดการเลย"
    จากนั้น ทั้งคู่ก็ปาร์ตี้สังสรรค์กันอย่างเมามัน
    สปีลเบิร์ก"ปายเทียวกันหมาย..."
    แจ็คสัน"จะปายหนายละพี่"
    สปีลเบิร์ก"พี่จะพาปายกินตาบ...."
    
    หลังจากเวลาผ่านไป 2 ปี การศึกษา ค้นคว้า พัฒนา เขียนบท คัดเลือกนักแสดง  ก็เสร็จสิ้น
    และใช้เวลาอีกเกือบ 2 ปี สำหรับขั้นตอน เพอร์ฟอร์แมนซ์ แคพเจอร์  สร้างภาพแอนิเมชั่น ตัดต่อและใส่เพลงประกอบ
    ในที่สุดปลายปี 2011  ตินติน ก็ได้ขึ้นสู่จอยักษ์ สมตามความตั้งใจของเหล่าทีมงานผู้สร้าง
    
    และ ณ บัดนาว แผ่นบีดี 3d ตินติน ก็ตกมาอยู่ในมือผมเรียบร้อยโรงเรียนจีน จะช้าอยู่ไย ใส่แผ่นเข้าเครื่องในบัดดล
    เวลาผ่านไป 106 นาที ไวเหมือนโกหก จบแล้วเหรอเนี่ย
    
    ในส่วนของเนื้อเรื่อง สำหรับเหล่าสาวก ตินติน คงมีความสุขที่ได้เห็น ตินติน โลดแล่นบนจอยักษ์ และได้ระลึกถึงตอนต่างๆที่เคยอ่านในหนังสือ
    เรื่องนี้ได้หยิบเอา 3 ตอน (ก้ามปูทอง , ความลับของเรือยูนิคอร์นและขุมทรัพย์โจรสลัด) จากทั้งหมด 24 ตอน มาเรียบเรียง ดัดแปลงใหม่
    สำหรับคนที่ไม่เคย อ่าน ตินติน เลย อาจจะรู้สึกว่า เนื้อเรื่อง ไม่เร้าใจ ไม่ตูมตามเว่อร์เหมือน แอนิเมชั่นฝั่งเมกาเลย
    สาเหตุ ก็เพราะ ป๋าสปีลเบิร์ก แกต้องการคงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นต่างๆ ของต้นฉบับเดิมไว้ และ ป๋าแกก็ทำได้ดีด้วยสิ 
    ทำให้ดูแล้วอาจจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่อง มัน เอื่อยๆ แอคชั่นไม่มันส์เวอร์เท่าที่ควร ทั้งๆที่มีชื่อ สปีลเบิร์ก กับ แจ็คสัน ห้อยท้าย
    ถึงมันจะไม่มันส์เว่อร์เหมือนแอนิเมชั่นเมกา แต่มันมีความเก๋าคลาสสิคของแอนิเมชั่นยุโรปสูงทีเดียว 
    
    ในส่วนของภาพ ต้องบอกว่าเยี่ยมมั่กๆ สวยงาม สมจริง ต้องให้เครดิต โมชั่น แคพเจอร์ และ ความสามารถของนักแสดงอันยอดเยี่ยม
    โดยเฉพาะ แอนดี้ เซอร์กิส ที่รับบทเป็น กัปตันแฮ็ดด็อก หลายๆฉาก ไม่ว่าจะเป็นฉากดราม่า ตลก หรือ แอคชั่น ดูแล้วเหมือนเป็นคนจริงๆ
    ไม่ว่า จะเป็นสีหน้า แววตา ดูแล้ว ต้องบอกว่า มีอารมณ์ร่วมมั่กๆ  
    และอีกส่วนที่ชอบ คือ ภาพประกอบสถานที่ต่างๆ เหมือนจริง สวยงาม ทำให้รู้สึกเหมือนได้ไป ท่องเที่ยวกับ ตินติน 
    พอถึงจุดชมวิวอันสวยงาม ก็หยิบเจ้า d50 คู่ใจ ขึ้นมาลั่นชัตเตอร์ ซักสองสามแชะ!
    จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของภาพ ก็คือ  3d เรื่องนี้ใช้ประโยชน์จาก 3d ได้คุ้มค่ามากๆ  จะเห็นได้ในฉากแแอคชั่นหลายๆฉาก
    ไม่ว่าจะเป็นฉาก ตินติน หลบรถยนต์กลางถนน   รถยนต์วิ่งทะลุจอแทบทุกคัน ลุ้นสุดๆ
    ไม่ว่าจะเป็นฉาก เครื่องบินใบพัด  บินทะลุจอ ตื่นเต้น เร้าใจสุดๆ
    ไม่ว่าจะเป็นฉาก จินตนาการของ แอนดี้ เซอร์กิส  ที่ตัดภาพไปมาระหว่างเหตุการณ์จริงกับจินตนาการ  น้ำทะเลเปียกหน้าเลยฉากนี้
    ไม่ว่าจะเป็นฉาก แซ๊งค์แมงกาไซด์ของตินติน เป็นฉากเด็ดของหนังเรื่องนี้เลย บอกได้คำเดียวว่ามันส์ทะลุจอ
    ไม่ว่าจะเป็นฉาก เครนปะทะเครน ต้องคอยหลบสิ่งของทะลุจอให้ดีๆ  หัวเกือบแตก
    
    ในส่วนของเสียง ไม่มีที่ติสำหรับ dts hd master 7.1 ฟร้อนท์จัดหนัก เซอร์ราวด์จัดเต็ม ในทุกๆฉากแอคชั่น
    
    ในส่วนของเพลงประกอบ เยี่ยมมากๆ ทำให้หนังดูสมจริง ลึกลับ ซ่อนเร้น ตื่นเต้น ลุ้นระทึก  ตลก เศร้าเหงาเพราะรัก...
    
    จากเหตุผลทั้งหมดนี้ 
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของ แอร์เช อัจฉริยะด้านลายเส้นที่ละเอียดซับซ้อน เหมือนอัดภาพ24เฟรมไว้ในภาพเดียว
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของ สปีลเบิร์ก พ่อมดแห่งวงการฮอลลี่วู้ด ที่สามารถเสกสรรค์ปั้นแต่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นจริงได้
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของ แจ็คสัน หมอผีแห่งวงการซีจี ที่เสกโมชั่น แคพเจอร์  จนโลกต้องตะลึง
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของ จอห์น วิลเลี่ยมส์ ปรมาจารย์ด้านซาวน์ประกอบ เป็นขาประจำทำซาวด์ให้กับ สปีลเบิร์ก แทบทุกเรื่อง
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของนักแสดงฝีมือพระกาฬ  ทำให้ผลของโมชั่น แคพเจอร์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
    ไม่ว่าจะเป็น เรื่องภาพ สวยงาม สมจริง ประดุจ คนแสดงจริง
    ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเสียง บันทึกมาเต็มๆบิต ไม่มีเม้ม ไม่มีกั๊ก
    ไม่ว่าจะเป็น พล็อตเรื่อง สุดเก๋า สุดคลาสสิค
    ต้องขอยกให้ บีดี 3d แผ่นนี้ เป็นแอนิเมชั่นขึ้นหิ้งของฝั่งเมกา สำหรับผมเลยครับ
    
    ปล ตินตินฉบับป๋าสปีลเบิร์กกำกับ หลายๆฉากดูแล้วเหมือนดู อินเดียน่า โจนส์ฉบับแอนิเมชั่นเลยอะ
    ได้ยินว่าภาคสอง ป๋าแจ็คสัน จะมานั่งแท่น ผกก แทน น่าจะได้เห็น ตินติน ผจญภัยในแดนมิดเดิลเอิร์ธ เป็นแน่แท้ 55+


    3.The Secret World of Arrietty (2010)(อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    Arrietty (อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)  เป็นผลงานล่าสุดของสตูดิโอสุดเลิฟ จิบลิ นั่นเอง 
    ซึ่งเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายขายดี the borrowers (คนตัวจิ๋ว)  ของแมร์รี่ นอร์ตัน 
    โดยมี ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ มานั่งแท่นกำกับเป็นครั้งแรก และมี ท่านปรมาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ มาช่วยเขียนบทด้วย
    แน่นอน ความเป็น จิบลิ ยังคงโดดเด่น เหมือนเรื่องก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ ลายเส้น สวยงามสุดคลาสสิค 
    เพลงประกอบสุดไพเราะ เพราะพริ้ง เรื่องนี้ ได้สาวฝรั่งเศส เซซีล กอร์เบล มาขับร้อง 
    น้ำเสียงของชี ฟังทีไร เหมือนต้องมนต์สะกด เคลิ้มตามทุกที ที่ได้ฟัง
    ในส่วน เนื้อเรื่อง ก็ยังคงแฝง ด้วยปรัชญา จิตวิญญาณ ธรรมชาติ และ ความผูกพันธ์ เหมือนเช่นเคย
    โดยครั้งนี้ ถ่ายทอด ผ่านมุมมองของ ครอบครัวคนตัวจิ๋ว  ที่ดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ ด้วยการแอบ หยิบยืม สิ่งของต่างๆ จากคนตัวโต
    สำหรับ เรื่องนี้ ถ้าดูเพียงผิวเผิน อาจจะรู้สึกว่า หนังมันดูเรียบง่าย ขาดๆ เกินๆ ในหลายๆ องค์ประกอบ
    แต่ ถ้าดูมากกว่า 1 รอบ จะพบความละเมียดของหนัง ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของภาพต่างๆที่เขียนขึ้นมา
    หรือ แง่คิด ปรัชญาต่างๆ ที่สอดแทรกอยู่ในตัวหนัง  ยิ่งดูหลายรอบเท่าไหร่ ก็ยิ่งเก็บรายละเอียดต่างๆได้มากขึ้นเท่านั้น 
    เรื่องนี้ นอกจากจะทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นถึง 9.25 พันล้านเยนแล้ว ยังได้รับรางวัล แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นด้วย
    สมกับเป็นหนังของ สตูดิโอสุดเลิฟ อันดับหนึ่งในดวงใจของผม ตลอดกาลเลย...
    
    ปล ชอบประโยคนี้ของ อาริเอตี้  "พวกเราไม่ยอมแพ้ ง่ายๆหรอกนะ" 
    ได้ยินแล้วรู้สึกถึง กำลังใจที่เต็มเปี่ยมที่อยู่ภายใน และ พร้อมที่จะเผื่อแผ่ให้กับคนที่ขาดกำลังใจที่จะต่อสู้



    4.Real Steel (2011)( ศึกหุ่นเหล็กกำปั้นถล่มปฐพี )
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    Real Steel  หนังเรื่องนี้ลงโรง ในช่วงเวลาใกล้ๆกับ Tin Tin ของป๋าสปีลเบิร์ก กับ ป๋าแจ็คสัน
    แน่นอนกระแสเป็นรองพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพล๊อตเรื่อง หรือ ชื่อ ผกก  การันตีห้อยท้าย
    แต่ สำหรับคนที่ได้ตีตั๋ว เข้าไปดูแล้ว คงต้องบอกว่า มันไม่แน่หรอกนาย!!
    ส่วนตัว ก่อนดูคาดหวัง อย่างเดียว คือ ฉากหุ่นฉะกันบนสังเวียน ขอซีจีเนียนๆ เสียงแน่นๆ เป็นอันสุขีสโมสรแล้ว
    เพราะหนังหุ่นยนต์ ช่วงหลังๆ เนื้อเรื่อง ไม่ค่อยสร้างความประทับใจสักเท่าไหร่  เรื่องนี้ก็คงไม่น่าจะแตกต่างกัน
    เรื่องนี้ ได้ป๋า ชอว์น เลวี มานั่งแท่น ผกก  ซึ่งปกติ ป๋าแกกำกับแต่หนัง ครอบครัว ตลก แต่มากำกับหนังแอ็คชั่น จะเป็นยังไงหนอ
    ในส่วนของซีจี ป๋าแก บอกว่า ใช้เทคนิคเดียวกับ Avatar ซึ่งจะได้เห็นหุ่นยนต์ฉะกัน มีเศษโลหะกระเด็นออกมา 
    เหมือนเศษเหงื่อของนักมวย เวลาต่อยกันจริงๆ แบบนี้ก็เข้าทางผมเลยสิป๋า
    พอดูเรื่องนี้จบแล้ว ก็ต้องบอกว่า ฉากแอ็คชั่นบนสังเวียนมันส์หยดติ๋งๆ ความรู้สึกเหมือนดูนักมวยคู่เอก ฉะกันบนเวที 
    ช่วงเวลาระหว่างชกต้องบอกว่า ลุ้นแทบจะกลั้นหายใจเลย จะเริ่มหายใจเข้าได้ ก็ตอนได้ยินเสียงระฆังหมดยกเท่านั้น
    ในส่วนของซีจี ก็ต้องบอกว่าเนียนมากๆ ดูไม่ออกเลยว่า ฉากไหนใช้ซีจี ฉากไหนใช้หุ่นยนต์จริง แค่นี้ก็แฮปปี้สุดๆแล้ว
    แต่สิ่งที่เป็นเซอร์ไพร์สของหนังเรื่องนี้ ก็คือ ความเป็นดราม่าของหนัง 
    พล๊อตเรื่องดูจะเป็นเหมือนหนังสูตรสำเร็จ ทั่วๆไป คือดูแค่ 10 นาทีแรก ก็เดาตอนจบได้ไม่ยากนัก
    แต่การดำเนินเรื่อง ที่ป๋าเลวี  พยายามทำให้คนดู มีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง 
    ไม่ว่าจะเป็นการค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์อันดี ของ พ่อ(ฮิวจ์ แจคแมน) กับ ลูก(ดาโกตา โกโย) 
    ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของ พ่อ(ฮิวจ์ แจคแมน) ดูแล้วน่าหมั่นไส้
    ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของ ลูก(ดาโกตา โกโย) ดูแล้วน่าเอาใจช่วย
    ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของ  หุ่นยนต์ (อะตอม)  ดูแล้วเหมือนมีชีวิตจริง
    ทำให้หนังดูแล้วประทับใจมากๆ น้ำตาแทบเล็ด  ขอปรบมือดังๆ ให้ ผกก และ นักแสดง เลยครับ 
    
    ฉากแอคชั่นสุดมันส์
    -แอมบุช ปะทะ วัวกระทิง สมน้ำหน้าชาร์ลี ประมาทดีนัก
    -น้อยซี่บอย ปะทะ ไมดัส  สมน้ำหน้าชาร์ลี อวดดีนัก
    -อะตอม ปะทะ เมโทร อึดจริงๆนะ อะตอม
    -อะตอม ปะทะ ทวินซีตี้  อัพเพอร์คัทขวา เจ๋งมาก อะตอม
    -อะตอม ปะทะ ซุส  โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ จะ สู้ประสบการณ์จริงของมนุษย์ จริงมั้ย ชาร์ลี
    
    ฉากดราม่าสุดประทับใจ
    -ฉากแม็กซ์ สั่งการ น้อยซี่บอย ด้วยภาษาญี่ปุ่น มันเท่ห์มากสำหรับสาวกคอเกมส์ญี่ปุ่น
    -ฉากหลังจาก น้อยซี่บอย ปะทะ ไมดัส   "พ่อจะทิ้งหุ่นนี้ไป เหมือนที่พ่อเคยทิ้งผมใช่มั้ย" เริ่มกระตุ้นอารมณ์แล้ว
    -ฉาก แม็กซ์ ขุดอะตอมออกมาจากโคลน  เริ่มสร้างความผูกพันธ์ขึ้นมาแล้ว
    -ฉาก เบลีย์ บอกความเหนื่อยล้า อยากจะหยุด กับ ชาร์ลี   เริ่มสร้างความสำนึกให้กับชาร์ลีแล้ว
    -ฉาก แม็กซ์ คุยกับ อะตอม "ความลับนี้รู้แค่เราสองคนนะ"  เริ่มสร้างชีวิตให้กับอะตอมแล้ว
    -ฉาก เบลีย์ เล่าเรื่อง ชาร์ลี  ให้ แม็กซ์ฟัง   เริ่มเปลี่ยนทัศนะคติที่ไม่ดีของแม็กซ์ที่มีต่อชาร์ลีแล้ว
    -ฉาก ชาร์ลีตื่นขึ้นมา เห็นแม็กซ์กำลังช่วยฝึกซ้อมให้กับอะตอม   เริ่มสร้างทัศนะคติที่ดีของแม็กซ์ที่มีต่อชาร์ลีแล้ว
    -ฉาก ก่อนขึ้นสังเวียน กับ เพลง give it a go  เริ่มสร้างความเร้าใจแล้ว
    -ฉากหลังจาก อะตอม ปะทะ ทวินซีตี้ แม็กซ์ดึงไมค์แล้วประกาศ ท้าชกกับซุส  เริ่มสร้างอารมณ์ฮึกเหิมแล้ว
    -ฉากหลังจากชาร์ลีถูกเจ้าหนี้ ซ้อมยับเยิน  
    เจ้าหนี้ "เฮ้! เพื่อนของนายดูเหมือนถุงขยะโสโครกเลยนะ เจ้าเด็กน้อย"
    แม็กซ์  "เขาเป็นพ่อของผมนะ"    เริ่มแสดงความรู้สึกดีๆ ออกมาแล้ว
    -ฉากส่งตัวแม็กซ์ให้ป้า
    ชาร์ลี "พ่อรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ได้.. ลูกต้องการอะไรจากพ่อละ"
    แม็กซ์ " ผมอยากให้พ่อสู้เพื่อผม   นั่นละเป็นสิ่งที่ผมต้องการ"  เริ่มกระตุ้นต่อมน้ำตาแล้ว
    -ฉากหน้าประตูบ้าน ของป้าแม็กซ์
    ชาร์ลี  พูดกับ แม็กซ์ " พ่อขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ และพ่อก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้
    แต่พ่ออยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าลูกยังอยากจะสู้ต่อ พ่อก็พร้อมที่จะสู้"  เริ่มแสดงให้เห็นความสำนึกผิดและอารมณ์ที่ฮึกเหิม
    -ฉากใช้ฟังก์ชั่นเงา อะตอม ปะทะ ซุส
    ชาร์ลี พูดกับ อะตอม "ฉันรู้ว่าแกไม่ได้ยิน แต่แกเห็นฉัน มองมาที่ฉัน ดูฉันไว้นะ!"  สร้างชีวิตให้กับอะตอมอีกแล้ว
    แม็กซ์ พูดกับ ชาร์ลี "พ่อรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดกับหุ่นยนต์อยู่" สร้างรอยยิ้มให้กับแม็กซ์ กับผมด้วยนะ
    -ฉาก อะตอมไม่ยอม ปะทะ ซุส  เริ่มสร้างความรู้สึกเก็บกด ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย 
    จนถึงเวลาที่เหมาะสม ก็ปล่อยให้มันทะลักออกมา ทำให้ผมต้องกระโดดขึ้นมาแล้วร้อง เย้! พร้อมกับน้ำตาเล็ดเล็กน้อย
    -ฉาก หลังจาก อะตอม ปะทะ ซุส
    ชาร์ลี "พ่อต้องการให้ลูกรู้... ไม่สิ.... พ่ออยากให้ลูกรู้..."
    แม็กซ์  "ไม่ต้องเป็นห่วงครับพ่อ…ความลับนี้รู้กันแค่เราสองคน"   น้ำตาทะลักเลยครับ
    
    ปล ภาพชาร์ลี ออกลีลา ท่วงท่าการชกข้างสนาม เพื่อใช้ฟังก์ชั่นเงาควบคุมอะตอม  
    เป็นการสร้างชีวิตใหม่ที่หายไปของชาร์ลีให้กลับมา และยังเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กลับ เบลีย์  แม็กซ์ และผมด้วย
    ถือเป็นภาพในความทรงจำของหนังเรื่องนี้เลย
    "ความลับนี้รู้กันแค่เราสองคน" ก็เป็นประโยค แห่งความทรงจำเช่นกันครับ
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:28.

  2. #32
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    5.Transformers: Dark of the Moon (2011)(ทรานฟอร์เมอร์ส 3 : ดาร์ค ออฟ เดอะ มูน)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    ในที่สุดแผ่นที่รอคอยมากที่สุดของปีนี้ก็คลอดซะที Transformers: Dark of the Moon  มากับระบบเสียงที่เต็มสูบจริงๆ Dolby TrueHD 7.1
    ภาคนี้ป๋าไมเคิล เบย์ประกาศว่าจะทำการแก้ไขปรับปรุงบทต่างๆ ให้ดีขึ้นกว่าภาค 2 ที่ถูกวิจารณ์ในแง่ลบซะเยอะเลย
    และยังจะเป็นภาคสุดท้ายของป๋าไมเคิล เบย์ ซะด้วย พร้อมกับภาคนี้ป๋าเจมส์ คาเมรอนใจดี ให้ยืมกล้อง 3D ในการถ่ายทำด้วย
    โอ้ว..แม่จ้าว ช่างเป็นหนังที่น่าจะตีตั๋วเข้าไปดูในโรง 3D จริงๆ แต่ว่ามีโรง 4D ที่พารากอนหนิ น่าสนใจกว่าแฮะ 
    แต่พอเห็นราคาค่าตั๋วโรง 4D โอ้ว.. แบงค์ม่วง ไม่ทอนด้วย  ดังนั้นรอแผ่น 3D ออก แล้วไปหาเก้าอี้โยกได้ มาดูแทนดีก่า 55+
    
    ฉากในความทรงจำ อันเลือนลาง...
    -สิ่งแรกในสมองที่นึกถึง ต้องยกให้นางเอกใหม่ โรซี่ ฮันทิงตัน-ไวท์ลีย์  ซึ่งมาแทนที่ เมเกน ฟ๊อกซ์ ไม่รู้ว่าไปขัดใจอะไรเหล่าป๋าๆ ถึงได้ถูกถอดออก
    ส่วนตัว นางเอกใหม่ ถึงหน้าตาไม่เร้าใจ เท่า เมเกน ฟ๊อกซ์  แต่รูปร่าง ส่วนเว้า ส่วนโค้ง ขาเรียวงาม ได้จัยไปเต็มๆ เลย 
    สมกับเป็นสุดยอดนางแบบของสำนักวิกตอเรีย ซีเครตจริงๆ   ขอเช็ดน้ำลายก่อน
    -มุขตลกต่างๆของ  วีลลี่กับเบรนส์ ออโต้บอทจิ๋วที่คอยอยู่เป็นเพื่อนกับแซม  พ่อกับแม่ของแซม  นักเขียนสติเฟื่อง ฮาบ้าง แป๊กบ้าง คละเค้ากันไป
    -ฉากเนรเทศ ออโต้บอท ไม่รู้จักบุญคุณซะเลย เห็นกงจักรเป็นดอกบัวซะแล้ว
    -ฉากออโต้บอท คัมแบ็ค โอ้ว...ใส่ปืนมาเต็มคันรถ  เดทเรซ รึป่าวเนี่ย
    -ฉากดริลเลอร์  ไส้เดือนเหล็ก ชอนไช ตึกยักษ์  cg ทำได้เนียนมาก รายละเอียดภาพเยี่ยม เสียงสุดยอด  ดูแล้วเสียวฟันจริงๆ 
    -ฉากแซมนั่งอยู่ในบับเบิ้ลบี แล้วถูกโจมตีโดย ดีเซ็ปติคอน ทำให้บับเบิ้ลบี ต้องแปลงร่าง ทำให้ตัวแซมลอยออกมา
    แล้วบับเบิ้ลบี ก็แปลงร่างกลับมาเป็นรถพร้อมกับรับตัวแซม เข้าไป สุดเวอร์แต่ก็ชอบนะ มันเท่ห์มาก...
    -ฉากแซมแหกปากตะโกนดังลั่น...เบาๆหน่อยก็ได้นะ คุณแซม
    -ฉากแซมน้ำตาไหล ถ้าเผลอกระพริบตาอาจจะไม่ทันเห็น อะไรจะไวปานนั้น
    -ฉากแซมและผองเพื่อน เล่น สไลเดอร์ บนผนังตึก หัวใจแทบจะวาย
    -ฉากแปลงร่าง ของเหล่า ออโต้บอท กับ ดีเซ็ปติคอน  เป็นฉากที่อยากดูมากที่สุดของเรื่องนี้เลย 
    แล้วก็ไม่ผิดหวัง  รายละเอียดของชิ้นส่วนต่างๆชัดเจนจัดเต็ม ให้เห็นกันช้าๆชัดๆ ไม่เหมือนภาคก่อนดูแทบไม่ทันเลย
    -ฉาก ออพติมัส ไพร์ม ปะทะ เซนติเนล ไพร์ม ช่วงท้าย เม็กกะตรอน มาแจมด้วย  ภาพเสียงซู้ด...ยอด
    -ฉากอลังการงานสร้าง ดีเซ็ปติคอน ถล่ม ชิคาโก้ cg เนียนมากๆ ยิ่งกว่า terminator 4+2010+skyline ซะอีก
    -"you may lose faith in us, but never in yourselves" บทพูดอันเป็นเอกลักษณ์ของ  ออพติมัส ไพร์ม 
    
    ปล รายได้รวมของหนังทำเงินสูงถึง 1,119 ล้านเหรียญ ขึ้นอยู่ในอันดับ 4 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล เป็นรองแค่ avatar ,titanic ,harry 7.2 เท่านั้น
    เห็นรายได้ขนาดนี้ ป๋าไม่คิดจะทำภาค 4 ต่อ จริงๆ เหรอเนี่ย...





    6. Heat (1995)(ฮีท คนระห่ำคน)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    เพิ่งได้มีโอกาสหยิบหนังเรื่อง takers กับ the town ขึ้นมาดู แต่พอดูจบรู้สึกยังขาดๆ ไม่อิ่มยังไงก็ไม่รู้
    จึงต้องหยิบหนังแนวปล้นธนาคารสุดโปรดตลอดกาล ขึ้นมาเติมเต็มสักหน่อย  Heat (ฮีท คนระห่ำคน) ของป๋า Michael Mann
    เรื่องนี้พอจำได้ลางๆ คือ ฉากสาดกระสุน M16 ใจกลางเมือง คราวนี้มาในรูปแบบ bd พร้อมกับเสียง dts hd คงมันส์น่าดูชม
    พอดูจบ ก็ทำให้นึกฉากในความทรงจำ สุดประทับใจอีกหลายๆ ฉาก เช่น
    -ฉากวิเคราะห์ที่เกิดเหตุปล้นรถขนเงิน ของ ป๋าอัล ปาชิโน  สุดอัจฉริยะ เก่งโคตาระเลย
    -ฉาก ป๋าโรเบิร์ท เดอนีโร บอกกับลูกน้อง "อาชญากร ไม่ควรผูกพันกับใคร จะได้หนีตำรวจได้ใน 30 วินาที" ได้อย่างเสียอย่าง
    -ฉาก ป๋าอัล ปาชิโน ซุ่มดู ป๋าโรเบิร์ท เดอนีโร ในตู้คอนเทนเนอร์  ลุ้นระทึก อึดอัดมั่กๆ 
    -ฉาก ป๋าโรเบิร์ท เดอนีโร หลอก ป๋าอัล ปาชิโน ไปที่ท่าเรือ เพื่อถ่ายรูปหาข้อมูล เหนือชั้นจริงๆ
    -ฉากที่สุดของหนังเรื่องนี้ ก็ต้องยกให้ ฉากในร้านกาแฟ เป็นการเผชิญหน้ากันของอัจฉริยะทั้งสอง เพื่อหยั่งเชิงกันและกัน
    ชอบช่วงท้ายๆ ที่ทั้งคู่เหมือนจะได้เข้าถึงความทุกทรมานของแต่ละฝ่าย และได้มีการปลดปล่อยออกมา  ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มของทั้งคู่
    ในใจของทั้งสองคน คงคิดว่า ถ้าเราไม่ยืนอยู่คนละฝั่งกัน คงได้เป็นเพื่อนซี๊ย่ำปึ๊กกันแน่ๆ เลย 
    -ฉาก สุดมันส์ กองทัพตำรวจปะทะกองโจร กระสุนปืนโปรยปรายแหวกตัวถังรถยนต์ เสียงดัง ตุบ ๆตับๆ  ไพเราะจริงๆ 
    -ฉาก ป๋าอัล ปาชิโน เป่ากระบาล โจรที่มีตัวประกัน แม่นและนิ่งมั่กๆ
    -ฉาก ป๋าโรเบิร์ท เดอนีโร เก็บ คนปากโป้ง  "look at me!"  โหดจริงๆ 
    -ฉากจับมือกันตอนจบ ของป๋าอัล ปาชิโนกับป๋าโรเบิร์ท เดอนีโร   มิตรภาพก่อนลมหายใจสุดท้าย... 
    
    ปล เพิ่งนึกได้มีราชินีหงส์ดำเล่นด้วย สมัยนั้นยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่เลย 




    7.DTS Blu-Ray Demonstration Disc 15 (2011)

    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    DTS Blu-Ray Demonstration Disc 15 (2011) สำหรับแผ่นเทสเสียงในยุคที่เป็นดีวีดี ผมจะมีเก็บเข้าคอลเลกชั่นน่าจะเกือบทุกชุด
    บางชุดมีทั้งแท้และผี เพราะเป็นชุดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ถ้าพูดถึงแผ่นเทสเสียงก็มักจะนึกถึงแผ่นโมที่เป็นตำนานของน้า bb 
    ที่น้าแก จะเอาหนังหรือคอนเสิร์ท ที่แจ่มๆ ของแต่ละชุด มายำรวมในแผ่นเดียว เมื่อถึงเวลาที่ต้องการเทสชุดเครื่องเสียงชุดใหม่
    ก็มักจะมีแผ่นของน้า ไปร่วมแจมด้วยเสมอ เพลงที่เอามาเทสบ่อยๆ ก็คือ hotel california (eagles) เอามาเช็คมิติและรายละเอียดของเสียง
    หนังก็จะเป็นเรื่อง the haunting เอามาเช็คความลึกและความกระชับของซับวูฟเฟอร์ พอมาเข้าสู่ยุคแผ่น bd ก็ไม่ได้สัมผัสแผ่นเทสเสียงเลย 
    พอดีช่วงหยุดยาว ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสหยิบแผ่นเทสเสียง bd แผ่นนี้ขึ้นมาดู 
    ก็ต้องบอกว่า ภาพกับเสียงบันทึกมาดีมากมาก แทบไม่ต้องสนใจเลยว่าชุดเครื่องเสียงที่ใช้ทดสอบจะมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน 
    เพราะผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียง บอกได้คำเดียว ว่า สุดยอดดดดดดดดดดดด
    
    Movies
    -The Twilight Saga: New Moon(DTS-HD Master 5.1) 
    ฉากนี้เสียงลม เสียงการเคลื่อนไหว มิติเสียงเยี่ยมครับ ดูแล้ว นึกว่าผีหลอก โผล่หน้าที หลังที
    -Despicable Me (DTS-HD Master 5.1)  
    ฉากนี้ ดูแค่ภาพก็ได้ใจไปหมดแล้ว มันชัดมากมาก ส่วนเสียง ฟังแล้วต้องคอยหลบกระสุน ให้ดีเลยอะครับ
    -Apocalypse Now Redux (DTS-HD Master 5.1)  
    ฉากนี้มีดี ที่เสียงแบคกราวด์ ให้รายละเอียดเสียงรายล้อมได้ชัดเจนมาก ดูแล้วเหมือนไปนั่งอยู่ในสมรภูมิเลย
    -Robin Hood(2010) (DTS-HD Master 5.1)  
    เสียงควบม้า เสียงการต่อสู้ โชว์พลังของซับวูฟเฟอร์เต็มๆ
    -Astro Boy (DTS-HD Master 5.1)  
    ชอบภาพหนังกาตูนจริงๆ มันทั้งชัดทั้งเนียน ดูแล้วเพลินดี
    -The Wolfman(2010) (DTS-HD Master 5.1)  
    หมาป่าตะกายตึก ฉากนี้โชว์พลังเสียงย่านความถี่ต่ำ ลึก กระชับ แน่น ตึ๊บๆ ฉากนี้ดูแล้วคล้ายๆเรื่อง lxg เลย
    -The Thin Red Line (DTS-HD Master 5.1)  
    ฉากยกพลขึ้นบก เสียงคลื่นกระทบเรือ ทำเอาซับวูฟเฟอร์แทบกระโดด  ฉากนี้ดูแล้วนึกถึงเรื่อง saving private ryan เลย
    -Ige Age: Dawn of The Dinosaurs (DTS-HD Master 7.1)  
    ฉากไล่ล่ากลางเวหา นึกว่าเสียงเครื่องบินไอพ่น แหวกอากาศด้วยความเร็ว 2 มัค ภาพกับเสียงฉากนี้โดนเต็มๆเลย
    -The Hurt Locker (DTS-HD Master 5.1)  
    ฉากสุดเท่ห์ หมอกจางๆและควันๆ ภาพกับเสียงเยี่ยม ดูแล้วอึดอัดกดดันจริงๆ
    -The Rocky Horror Picture Show (DTS-HD Master 7.1)  
    นึกว่าตีตั๋วเข้าไปดูละคร บรอดเวย์นะเนี่ย มิติเสียงเยี่ยม เหมือนไปนั่งดูแถวหน้าเลย
    
    Music
    ในส่วนของคอนเสิร์ท ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมากนัก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าลำโพงทุกตัวทำงานเต็มพิกัด ตลอดเวลา
    และมาพร้อมกับเสียง DTS-HD Master 5.1 ฟังแล้วก็คงไม่อยากลุกไปไหนเลย 
    ส่วนของเพลงคลาสิคถึงแม้จะไม่มีภาพ แต่แค่หลับตา วงออเคสต้าทั้งวง ก็มาอยู่รอบๆตัวเลย มิติเสียงเยี่ยมจริงๆ
    U2 - City of Blinding Lights (DTS-HD Master 5.1)  
    The Pretenders - Boots of Chinese Plastic (DTS-HD Master 5.1)  
    Tom Petty And The Heartbreakers - First Flash of Freedom (DTS-HD Master 5.1)  
    When You're Strange: A Film About The Doors (DTS-HD Master 5.1)  
    Ole Bull: Concerto Fantastico - Allegro Affetuoso (La Notte) (DTS-HD Master 7.1)  
    Jeff Beck - Led Boots (DTS-HD Master 5.1)  
    Rooney - Can't Get Enough (DTS-HD Master 7.1)  
    Porcupine Tree - Wedding Nails (DTS-HD Master 5.1)  
    Diplom - Folk Suite for Fiddle And String Orchestra (DTS-HD Master 7.1)  
    Tomoyasu Hotei - Battle without Honor or Humanity (DTS-HD Master 5.1)  
    
    Extras
    ทุกฉาก เสียงบันทึกมาเป็น DTS-HD Master 7.1 โอ้วแม่จ้าว... เอ็กซ์ต้าจริงๆ
    ถึงแม้ชุดเครื่องเสียงจะเป็น 5.1 แต่รีซีฟเวอร์จะดาวน์มิกซ์เสียงจาก DTS-HD Master 7.1 เป็น DTS-HD Master5.1 
    ซึ่งจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า  DTS-HD Master5.1 ปกติ 
    ดังนั้นไม่ว่าชุดเครื่องเสียงจะเป็น 7.1 หรือ 5.1 เสียงที่ได้รับ เอ็กซ์ต้าจริงๆ ครับ
    DTS Living World Of Audio Trailer (DTS-HD Master 7.1)   เล่นกับเสียงทุกย่านความถี่ได้เยี่ยมมากมาก
    DTS Total Immersion Promotional Video (DTS-HD Master 7.1)    ต้องคอยหลบแมงกาไซที่วิ่งมาจากด้านหลัง ซ้ายทีขวาที
    DTS War Promotional Video (DTS-HD Master 7.1)  ชอบตอนรถถังยิงปืน เจ๋งดี
    DTS Sound Check 7.1 (DTS-HD Master 7.1)  
    DTS Sound Check 5.1 (DTS-HD Master 5.1)  
    
    ปล.แผ่นนี้มาสเตอร์แท้เป็น 25GB ดังนั้น แผ่นนี้พี่จีนก็โคลนมาแบบบิตต่อบิต สมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียงครับ 
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:29.

  3. #33
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    8.Ponyo on the Cliff by the Sea (2008)(โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)

    Code:
    
    
    
    
    
    
    Ponyo on the cliff by the sea (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) แผ่น bd เรื่องนี้ออกมาได้ซักระยะหย่ายๆแล้ว พร้อมกับเสียง dts-hd master 6.1
    แต่เพิ่งมีโอกาสได้หยิบขึ้นมาดู เพราะช่วงนี้ อยากดูอะไรที่น่ารัก  สดใส ไร้เดียงสา  คิกขุ อาโนเนะ 
    อะนิเมะของจิบลิเรื่องนี้ กำกับโดย ท่านปรมาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ โดยท่านเลือก ปลาทอง เพศเมีย มีนามว่า "โปเนียว" เป็นตัวละครหลัก
    ที่จะถ่ายทอดเรื่องราว ความสัมพันธ์สุดแสนที่จะน่ารักในครอบครัว และการรักษาธรรมชาติของท้องทะเลชายฝั่งที่นับวันยิ่งจะถูกทำลายมากขึ้น
    
    ฉากที่ดูแล้วอมยิ้ม ก็มี
    -ฉากกินแฮม 
    -ฉากโรงเรียนอนุบาล ทำให้นึกถึงอดีตเมื่อครั้งยังละอ่อน 
    -ฉาก งอนง้อ ด้วยสัญญาณไฟจากเรือ  เด๋วเอาไปใช้บ้างอะ...
    -ฉากโปเนียว เข้าบ้านโซสุเกะครั้งแรก ช่างไร้เดียงสา น่ารัก แสนซนจริงๆ
    -ฉากเรือสังกะสี 
    -ฉากจบ เพลงประกอบน่ารักสุดๆ
    "โปเนียวๆ แม่มัจฉาตัวน้อย
    มัจฉาตัวจ้อยจากห้วงทะเลลึก
    โปเนียวๆ เธอคือเด็กหญิงตัวน้อยๆ
    เด็กหญิงตัวน้อยๆ ผู้มีพุงกลมดิก"




    9.Terminator 2: Judgment Day(1991) (ฅนเหล็ก 2029 ภาค 2 :วันพิพากษา)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)

    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    Terminator 2: Judgment Day (Skynet Edition)  แผ่นบลูเรย์ที่รอมานานแสนนาน ในที่สุดพี่จีนก็ปล่อยเวอร์ชั่นนี้ออกมาให้ได้เก็บเข้ากรุซะที
    bd เวอร์ชั่นแรกที่พี่จีนปล่อยออกมาเป็น theatrical editon 137 นาที ที่มากับเสียง dts ธรรมดา 
    แต่ bd เวอร์ชั่นนี้ เป็น skynet edition 153 นาที ที่มากับเสียงแบบเต็มๆบิต dts hd master 5.1 ซี๊ดๆ เลย
    จำได้ว่า ตอนดูครั้งแรก สมัยวัยละอ่อน รู้สึกตื่นเต้นกับความล้ำยุคของเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการย้อนเวลา
    อุปกรณ์สุดไฮเทคต่างๆ  และตัวหุ่นยนต์ t1000 ที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นอะไรก็ได้ 
    ฉากที่จำได้จนถึงวันนี้ ตอนที่ t1000 ละลายแล้วค่อยๆรวมตัวกลับมาเหมือนเดิม สมัยนั้นถือเป็น cg ขั้นเทพเลย 
    และก็ประโยคเด็ด "i will be back" สุดเท่ห์เลยอะ
    ส่วนเนื้อเรื่อง ก็ดูน่าติดตามลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่อง ฉากแอคชั่นมันส์ๆ ขนมาให้ดูเพียบ ตามแบบฉบับป๋าเจมส์ คาเมรอน
    ตอนออกเป็นดีวีดี ก็ตามเสาะแสวงหา ไม่ว่าจะเป็นโซน 1 ที่มีเสียง dd5.1  thx เป็น ดอลบี้ ที่ เด็ดขาดมาก
    หรือ โซน 2 ที่เสียง dts es  ภาพเนียนๆ เสียง มาแบบเต็มๆบิตของดีวีดี
    มีให้เก็บทั้ง theatrical , special ,ultimate ,extreme edition และเป็นเรื่องแรกของดีวีดี ที่ผมได้รู้จักแพ๊กเก็ตกล่องเหล็ก มันแหล่มมั่กๆ 
    ดังนั้น หนังเรื่องนี้ ผมยกให้เป็นหนังแอคชั่นสุดคลาสสิคอันดับหนึ่งในดวงใจเลย





    10.Avatar (2009)(อวตาร)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    avatar (สลับร่างสร้างรัก) ดูตัวอย่างหนังที่ปล่อย ออกมาครั้งแรก ก็นึกว่า เป็นแอนิเมชั่นเด็กๆ ที่ใช้ cg เหมือนหนังทั่วๆไป
    แต่พอเวลาผ่านมาซักระยะ เริ่มมีข้อมูลเข้ามาว่า cg เรื่องนี้ไม่ธรรมดา   เป็นหนังที่ใช้คนแสดงจริง 
    แต่ใช้เทคนิคใหม่และอุปกรณ์พิเศษ ที่จับท่าทาง สีหน้า แววตา รอยเหี่ยวย่น การเคลื่อนไหวต่างๆ บนใบหน้า ของนักแสดง อย่างละเอียดยิบ
    เพื่อให้ภาพที่ออกมา สมจริงอย่างสุดๆ โดยใช้ทีมงานทางด้าน cg กว่า 900 คน  ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ 4,000 เครื่อง โดยใช้ซีพียูกว่า 35000 ตัว
    ในการประมวลผล  ดังนั้น หนังเรื่องนี้ของป๋า เจมส์ คาเมรอน ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน 
    
    พอได้ดูแล้ว ก็ต้องบอกว่า cg เนียนจริงๆ เหมือนคนแสดงจริงๆ เลย  
    แต่เสียดายไม่ได้ไปดู 3d ที่โรง imax  ได้ยินมาว่า มิติของภาพ ลึกสมจริงมั่กๆ 
    ก็เป็นความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของป๋าเจมส์ อยู่แล้ว เพราะ ลงทุนกับกล้องที่ใช้ถ่ายทำตัวใหม่กว่า  7 ล้านเหรียญ 
    และยอมหั่นหนังลงให้เหลือเพียง 160 นาที เพื่อที่จะฉายในโรง imax ได้
    
    ฉากโดนๆก็มี
    -ฉากที่ดูแล้ว ทำให้นึกถึงหนังดังๆ หลายเรื่อง  
    อุปกรณ์โฮโลแกรมสุดไฮเทค  minority report
    ร่างอวตาร surrogate , matrix
    สัตว์ป่า cg เนียนๆ dinosaur
    เลือก อิกราน  dragonball   เมฆสีทอง ของโงกุน
    -ฉากตอนเจค เข้าร่างอวตารครั้งแรก พอเห็นขาของตัวเองขยับได้  ก็รีบวิ่งออกไปอย่างมีความสุข
    -ฉากในป่าแพนดอร่า ยามค่ำคืน พวกพืช พันธุ์ไม้ ต่างๆ เรืองแสง งามสุดๆ 
    -ฉากเลือก อิกราน ลุ้นระทึกดี และมีฮาเล็กน้อย จากบทพูด 
    เจค :"จะรู้ได้ยังงัยว่ามันเลือกข้า"  
    เนย์ทีรี :"เมื่อมันจะฆ่าเจ้างัย"
    -ฉากพระนาง ขี่ อิกราน กินลมชมวิว ทำให้นึกถึง ตอนวัยละอ่อน บรรยากาศยามค่ำ เธอกับฉัน และแมงกาไซคู่ใจ  
    ด้านหน้ามีลมเย็นปะทะ ส่วนด้านหลังมีไออุ่นจากเนื้อนวลนาง สุขสุดยอดดดดดด
    -ฉากพระนาง หนีการไล่ล่า จาก โทรุค เสียงกระพือปีก ของเงาสุดท้าย โดนสุดๆ พึบๆๆๆๆ
    -ฉากเลิฟซีน  ตั้งใจดูอย่างแรง อยากเห็นสัญชาตญาณแบบดิบๆ  เริ่มจาก m2m เพียงไม่กี่วินาที "ข้าเป็นของเจ้าแล้ว" 
    เฮ้ย!!  ทำไมไวจังฟะ สงสัยไม่ใช่ทางของป๋าเจมส์
    -ฉากข้าคือตำนาน ตอนเจคขี่โทรุค ลงมาท่ามกลางชนเผ่านาวี   สุดเท่ห์ยังกะเป็นพระเจ้าเลย 
    -ฉากหุ่นยนต์สังหาร(ผู้พัน) ปะทะ กิเลนไฟ (เนย์ทีรี)  สุดมันส์เลย
    -ฉากรบฉากสุดท้าย  ความเนียนของภาพ บวก กับคุณภาพเสียงที่ออกมา  สุดๆ เลย ฉากนี้
    -ฉากจบสุดประทับใจ
    เจค :"i see you"
    เนย์ทีรี :"i see you"
    ปิดท้ายด้วยเพลงประกอบ i see you ของ leona lewis โดนไปเต็มๆเลย
    
    ในส่วนของรายได้
    ป๋าเจมส์ ลงทุนกับหนังเรื่องนี้ ทั้งด้านการผลิตและการตลาด รวมกว่า 500 ล้านเหรียญ
    เชื่อว่าลงทุนขนาดนี้  คงตั้งใจจะให้ avatar ทำลายสถิติรายได้หนังสูงสุดตลอดกาลของ titanic อย่างแน่นอน
    และผลรายได้ที่ออกมาก็ทำให้ avatar เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล แทนที่ titanic เรียบร้อย รร ป๋าเจมส์ ไปแล้ว
    รายได้ที่เมกา  750 ล้านเหรียญ (titanic 600 ล้านเหรียญ )
    รายได้รวม 2700 ล้านเหรียญ (titanic 1800 ล้านเหรียญ )
    
    ในส่วนของรางวัลออสการ์
    Best Cinematography
    Best Visual Effects
    Best Art Direction
    ถ้าไม่ติดเกรงใจ อดีตศรีภรรยา  kathryn bigelow (the hurt locker) 
    คงได้ รางวัล ผกก กับ ภาพยนต์ ยอดเยี่ยม มาเพิ่มอีก  55+
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:30.

  4. #34
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    11.Armageddon (1998)(วันโลกาวินาศ)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    สำหรับหนังในช่วงก่อนปี 2000 มักจะเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องค่อนข้างดีทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังแนวแอคชั่นก็ตาม
    ซึ่งต่างจาก ปัจจุบัน หนังแอคชั่น มักจะเน้นที่ฉากแอคชั่นมันส์ๆ และ cg เนียนๆ แต่เนื้อเรื่องค่อนข้างจะอ่อน 
    และในยุคนั้น สำหรับผม ผกก ที่ผมรู้จัก ก็จะมีเพียง ป๋าสตีเวน สปีลเบิร์ก กับ ป๋าเจมส์ คาเมรอน 
    แต่เพิ่งจะรู้ว่า หนังหลายเรื่องที่ผมชอบ เช่น the rock , badboy , pearl harbor ผกก คือ ป๋าไมเคิล เบย์ นั่นเอง
    ถ้าไม่มีเรื่อง transformer ก็คงไม่คุ้นเคยกับป๋าคนนี้เลย และหนังของป๋าไมเคิล ที่โดนอย่างแรง ในช่วงนั้น
    เรื่องนี้เลย  armageddon(วันโลกาวินาศ) นอกจากฉากแอคชั่นสุดมันส์ (ทำเอาดอกลำโพงที่บ้าน เกือบขาด โดยเฉพาะซับวูฟเฟอร์)
    ยังมีฉากอารมณ์ซึ้งๆ และ เพลงประกอบสุดชอบ ฟังทีไรน้ำตาเอ่อล้น จะทะลักทุกทีเลย
    
    ฉากที่ชอบๆ ก็มี
    -ฉากอุกกาบาตถล่ม นิวยอร์ค 
    ชอบทิศทางและเสียงอุกกาบาตแหวก อากาศ ได้จัยคนบ้าเครื่องเสียงอย่างผมมั่กๆ 
    -ฉากสุดฮา พ่อตาไล่ยิงลูกเขยที่แท่นขุดน้ำมัน 
    อารมณ์ดิบๆ  จริงใจ ชอบมั่กๆ
    -ฉาก บรูซ วิลลิส ประชุมเหล่าผองเพื่อนนักขุด ทุกคนตอบตกลงที่จะปฏิบัติภาระกิจกอบกู้โลก   
    ได้เห็น มิตรภาพ ความไว้ใจ ความกล้าหาญ ความเสียสละ ซึ้งมั่กๆ   "we go!"
    -ฉากตรวจสุขภาพกาย ของเหล่านักขุด ฮามั่กๆ 
    ชอบความตรงไปตรงมา อารมณ์สนุกของเหล่านักขุด
    -ฉากตรวจสุขภาพจิต ของเหล่านักขุด   เห็นกึ๋น ที่ซ่อนอยู่ของพวกเค้า
    บางทีคนดิบๆบ้านๆก็มีกึ๋นมากกว่า พวกใส่แว่นตาหนาๆ หรือใส่สูทผูกไท อีก
    -ฉากสถานีอวกาศรัสเซียระเบิด 
    ลุ้นสุดๆ ว่าจะรอดรึป่าว หัวใจจะวายเลยฉากนี้ "go! go! go!"
    -ฉากกระสวยอวกาศ เร่งความเร็ว 22800 km/h เพื่อเข้าสู่วงโคจร  
    ซับวูฟเฟอร์ กระโดด เป็นเจ้าเข้าเลยอะ
    -ฉากกระสวยอวกาศ ฝ่า ดงอุกกาบาต
    มิติเสียงได้จัยไปเลย 
    -ฉากพายุอุกกาบาตถล่ม แท่นเจาะบนอุกกาบาต
    มิติเสียงและเสียงย่านความถี่ต่ำ  โดนสุดๆ ลำโพงทุกดอก งานเข้าเต็มพิกัด 
    -ฉากบรูซ วิลลิส พูดกับ เบน แอฟเฟล็ก  ซึ้งสุดๆ
    คำพูด บวกกับ ดนตรีประกอบ น้ำตาคลอเบ้าจริงๆ
    -ฉากบรูซ วิลลิส พูดกับ ลิฟ ไทเลอร์  
    เป็นการพูดเปิดใจ กันครั้งสุดท้าย ของพ่อกับลูก   น้ำตาแตกเลย "i love you so much ,daddy"
    -end credit เพลงประกอบโดนมั่กๆ
    
    "i could stay awake just to hear you breathing
    watch you smile while you are sleeping
    far away and dreaming
    i could spend my life in this sweet surrender
    i could stay lost in this moment forever
    well, every moment spent with you
    is a moment i treasure
    
    i don't wanna close my eyes
    i don't wanna fall asleep
    cause i'd miss you, babe
    and i don't wanna miss a thing
    cause even when i dream of you
    the sweetest dream will never do
    t'd still miss you, babe
    and i don't wanna miss a thing"




    12.Saving Private Ryan (1998)(เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    saving private ryan(เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก) ในที่สุดหนังสงครามอันดับหนึ่งในดวงใจก็คลอดเป็น bd เรียบร้อย รร จีน
    มาพร้อมกับเสียง dts hd master 5.1  lossless 4.5 mbps มาแบบเต็มๆบิตแบบนี้ ก็เตรียมตัวยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ได้เลยครับ
    หนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีดีแค่ฉากรบสุดมันส์เพียงอย่างเดียว ยังมีฉากที่ถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆในสภาวะสงคราม อันโหดร้าย
    ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ รัก โกรธ เกลียด กลัว สติแตก สับสน หดหู่ ซึ่งดูแล้วรู้สึกร่วมแทบทุกฉาก 
    ต้องยกนิ้วให้กับ ผกก ในดวงใจของผมเลย สตีเวน สปีลเบิร์ก
    
    ฉากสุดโปรด
    -ฉากยกพลขึ้นบกสุดยิ่งใหญ่อลังการ ในวันดีเดย์ 6 มิถุนายน 1944 บนหาดโอมาฮา ชายฝั่งนอมังดี
    ปืนกลของทหารเยอรมัน ปล่อยกระสุนออกมาปานสายฝน เสียงปลอกกระสุนตก ลงมาดัง กริ๊งๆ อะไร จะชัดเจนขนาดนั้น
    ฝ่ายทหารเมกัน ก็ใช่ ย่อย ปล่อย ทั้งกระสุน ระเบิด อาวุธ ต่างๆ ใส่ เข้าหา อย่างไม่ยั้งเช่นกัน
    เสียงกระสุน กระทบ เป้าหมาย แต่ละชุด ฟุบ ๆ  เสียงแน่นได้อารมณ์มั่กๆ ส่วนทิศทางของเสียงก็วิ่งไปมารอบๆตัวเลยครับท่านผู้ชม
    เป็นฉากรบที่กินเวลายาวนาน ยี่สิบกว่านาที ลำโพงทุกตัวทำงานหนักมั่กๆ บอกได้คำเดียวเลยว่า สุดยอดดด
    ตอนออกเป็นดีวีดีใหม่ๆ เห็นร้านขายเครื่องเสียง แทบทุกร้านเปิดแต่ฉากนี้ เสียงคลื่น กระทบ หาดทราย ดัง ครื่นๆ
    -ฉาก ท่านเสธ อ่านจดหมาย ของ อับราฮัม ลินคอล์น เขียนถึงญาติของทหารผู้เสียชีวิต สุดประทับใจเลย
    -ฉาก พลแม่นปืนของเยอรมัน กำลังส่องหา พลแม่นปืนของเมกัน 
    พอส่องเจอปุ๊บ เพียงเสี้ยววินาที กระสุนปืนของเมกัน พุ่งทะลุผ่านลำกล้องเข้าเบ้าตาขวาของเยอรมัน อะไรจะแม่นขนาดนั้น
    -ฉาก ไรอัน ตัวปลอม มีฮาเล็กน้อย
    -ฉาก เช็คป้ายชื่อ ของทหารที่เสียชีวิต ว่า มีชื่อ ไรอัน รึป่าว  
    แค่แววตาและสีหน้า ของแถวทหารที่เดินผ่านมาเห็น ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีทีเดียว เงียบสนิทแต่สื่อความหมายได้ชัดเจน
    -ฉาก ทำลาย รังปืนกล ของเยอรมัน นอกจากกระสุนโปรยปรายแล้ว  
    ยังจะได้เห็นความเป็นผู้นำ ความเด็ดขาด กล้าหาญ และ น้ำตาของผู้กองมิลเลอร์ 
    -ฉากผู้กองมิลเลอร์ พยายามพูดโน้มน้าว ให้ไรอันกลับบ้าน  แต่ไรอัน ไม่ยอมกลับ 
    เนื่องจากภาระหน้าที่ ที่รับผิดชอบยังไม่เสร็จสิ้น ความรับผิดชอบเป็นเลิศ เจ้าหนูไรอัน
    -ฉากรบฉากสุดท้าย เสียงรถถังเคลื่อนที่ พลังเหลือหลายจริงๆ ทำเอาซับวูฟเฟอร์แทบกระอัก   กระสุนเอย ระเบิดเอย น้องๆ ฉากยกพลขึ้นบกเลย
    ที่ชอบอีกอย่าง คือ เสียงพวงกระสุนปืนกลที่ห้อยคอ ทหารล่าม เสียงมันกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง ชัดเจนมั่กๆ
    -ฉาก ผู้กองมิลเลอร์ ถูก สอย โดยทหารเยอรมัน ที่ผู้กองปล่อยตัวไป  สะท้อนความเป็นจริงบางอย่างของสงคราม
    -ฉาก ทหารล่าม สอย ทหารเยอรมัน ที่ไม่รู้จักบุญคุณ สะใจดี
    -ฉาก ผู้กองมิลเลอร์ พูดกับ เจ้าหนูไรอัน ตอนสุดท้าย "อยู่ให้คุ้ม" เป็นการฝากความต้องการสุดท้ายก่อนจาก 
    -ฉาก ปู่ ไรอัน บอกกับ ผู้กองมิลเลอร์ ว่า ใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างมีคุณค่า และ ยังให้เมียปู่ ช่วยยืนยันอีกเสียง น้ำตาแทบไหลเลย ฉากนี้
    
    ในส่วนของรางวัลออสการ์ 
    Best Director 	
    Best Cinematography
    Best Film Editing 	
    Best Effects, Sound Effects Editing
    Best Sound
    
    "Dear Madam,
    
    I have been shown in the files of the War Department a statement of the Adjutant-General of Massachusetts that you are 
    he mother of five sons who have died gloriously on the field of battle. 
    I feel how weak and fruitless must be any words of mine which should attempt to beguile you from the grief of a loss so overwhelming. 
    But I cannot refrain from tendering to you the consolation that may be found in the thanks of the Republic they died to save. 
    I pray that our heavenly Father may assuage the anguish of your bereavement, and leave you only the cherished memory of the loved and lost,
     and the solemn pride that must be yours to have laid so costly a sacrifice upon the altar of freedom.
    
    Yours very sincerely and respectfully,
    Abraham Lincoln." 





    13.The Lord of the Rings 1-3
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    ในที่สุด มหากาพย์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี the lord of the rings 1-3 ก็คลอดเป็น bd ซะที 
    ในส่วนของภาพ ได้ผ่านการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก ป๋าปีเตอร์ แจคสัน 
    ในส่วนของเสียง หนังสุดยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ต้องมาแบบ dts-hd master 5.1  แน่นอน
    หนังของป๋าปีเตอร์แต่ละเรื่อง เสียงมาแบบสุดๆทั้งนั้น โดยเฉพาะเสียงในย่านความถี่ต่ำ เรื่องนี้ ก็เช่นเดียวกัน 
    ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำราม  เสียงเคลื่อนพล เสียงระเบิด เสียงการถล่ม และ เสียงประกอบต่างๆ พลังที่ปล่อยออกมา สุดๆ ไปเลย
    
    ฉากที่ช้อบ...ชอบ...
    -ฉาก 2 ผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ ประลองเวทย์กัน เสียงต่ำแน่นตึ๊บๆ เลย
    -ฉากในเหมืองคนแคระ ตอนสู้กับ  อสูรกายยักษ์ ลำโพงทุกตัวงานเข้า โดยเฉพาะซับวูฟเฟอร์แทบกระโดด
    -ฉากสุดเลิฟ ลิฟ ไทเลอร์ ควบม้าหนีเหล่ายมทูตราตรี เสียงเกือกม้ากระทบกับพื้น เนี่ย กุ๊บๆ กั๊บๆ ดูมีพลังมั่กๆ
    -ฉากเด็ดของภาคแรก อสูรกายเพลิง ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำราม เสียงสะพานถล่ม ซับวูฟเฟอร์รับไปเต็มๆ
    -ฉากเดินผ่านลำน้ำแห่งความตาย เสียงประกอบ เยี่ยมมั่กๆ ดูแล้วหลอนสุดๆ
    -ฉากสู้กับเหล่าหมาบ้า  เสียงต่ำแน่นตึ๊บๆ อีกแล้ว
    -ฉากยมทูตขี่นกยักษ์ไล่จับโฟรโด เสียงกระพือปีก ทำเอาดอกลำโพงซับ ขยับเป็นจังหวะเดียวกับการกระพือปีกเลย พึ๊บ พึ๊บ
    -ฉากเด็ดของภาคสอง ศรรักปักอก มีขำเล็กน้อยสำหรับศรรักดอกแรกเพื่อเปิดศึก   
      เสียงลูกธนู แหวกอากาศ ซ้ายที ขวาที หน้าที หลังที หลบแทบไม่ทัน 
      เสียงกระทุ้งหอกของกองทัพออร์ค กับ เสียงระเบิดกำแพง ทำเอาซับวูฟเฟอร์แทบระเบิด
    -ฉากสู้กับแมงมุงยักษ์ ดูแล้วลุ้นสุดๆ
    -ฉากนกยักษ์โฉบลงพื้นล่าเหยื่อ เสียงกระพือปีกมาอีกแล้ว
    -ฉากเด็ดของภาคสาม ช้างชนช้าง  แค่เสียงมันวิ่ง บ้านก็แทบจะถล่มแล้ว ตอนมันคำราม ตอนมันล้มอีก สุดๆเลยฉากนี้
    -ฉากสะใจ 
     ยมทูตราตรี "บุรุษใด ก็ ฆ่าข้าไม่ได้"
     เจ้าหญิงหน้าใส  ถอดหมวกออก "ชั้นไม่ใช่ ผู้ชายนะย่ะ " แล้วค่อยๆปักดาบลงที่ร่างของยมทูต
     ยมทูตราตรี  ดิ้นกระแด่วๆๆ "จังซี้ มันต้องถอน"
    -ฉากฮานามิ
     คนแคระ  "ตัวใหญ่ก็นับแค่หนึ่งนะเฟ้ย"
     เทวดาตกสวรรค์ ทำหน้างง "กว่าจะล้มได้ นับแค่หนึ่งเองเหรอฟะ"
    -ฉากโฟรโด หย่อนแหวน ในหุบเขามรณะ  เสียงประกอบทำได้เยี่ยมมั่กๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงลาวา เสียงลม มันวิ่งรอบตัวผมเลย
     ดูแล้ว กดดันแบบสุดๆ
    
    มาดูรางวัลกันบ้าง เอาเฉพาะออสการ์แล้วกัน ถ้าเอาจากทุกสำนักคงมีหลายร้อยรางวัลแน่เลย
    
    The Fellowship of the Ring
    -Best Cinematography
    -Best Effects, Visual Effects
    -Best Makeup
    -Best Music, Original Score
    
    The Two Towers
    -Best Sound Editing
    -Best Visual Effects
    
    The Return of the King
    -Best Art Direction-Set Decoration
    -Best Costume Design
    -Best Director
    -Best Editing
    -Best Music, Original Song
    -Best Music, Original Score
    -Best Makeup
    -Best Picture
    -Best Sound Mixing
    -Best Visual Effects
    -Best Writing, Adapted Screenplay
    รางวัลทั้งสามภาคดูคล้ายๆ เรื่อง king kong เลยฮะ Visual Effects กับ Sound สงสัยเป็นเอกลักษณ์ของป๋าปีเตอร์ แจคสัน ไปซะแล้ว
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 10:33.

  5. #35
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    14.Ninja Assassin (2009)(แค้นสังหาร เทพบุตรนินจามหากาฬ)
    (รายละเีอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    ninja assassin เป็นเรื่องที่ตอนแรกนึกว่าจะขายแค่พระเอกสุดฮอท  พิเรน  เฮ้ย!ไม่ใช่  พี่เรน  หนังคงไม่มีอะไรน่าสนใจนัก
    แต่พอดูดีวีดี จบ ก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย หนังมันส์เกินคาด ฉากนินจา ต่อสู้กัน มิติเสียงเยี่ยมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดาวกระจาย 
    เสียงไกวดาบ  มันวิ่งรอบตัวเลย ส่วนภาพก็สะใจดี ดาบนินจาปะทะผิวหนังคู่ต่อสู้เมื่อไหร่ จะได้เห็นเลือดพุ่งกระฉูดยังกะเขื่อนแตกเลย
    
    ฉากที่ชอบๆก็มี
    -ฉาก ศักดิ์ศรี  เฮ้ย ไม่ใช่  ต้อง สักสี นอกจากเลือดพุ่งกระฉูดแล้ว แขน ขา หัว ปลิ่วว่อนเลย
    -ฉากฝึกเดินเบา ตอนถูกทำโทษ เสียวฝ่าเท้าจริงๆ
    -ฉากประลองดาบไม้ ในห้องตะเกียงไฟ  เสียงไกวดาบ นี่สุดๆ เลย มิติเสียงเยี่ยมมั่กๆ
    -ฉากประลองดาบจริง กับ เคียวโซ่ เสียงโซ่ไกวไปมา ซ้าย ขวา หน้า หลัง เอ บี สตาร์ทเลยอะครับ
    -ฉากสุดซาดิสท์ ตอนเปิดซิงในห้องน้ำ
    -ฉากบนดาดฟ้า ตอนฝนตก นินจาปะทะนินจา 
    -ฉากนินจาถล่มเซฟเฮ้าส์ จะได้รู้ว่า กระสุนปืน กับ อาวุธนินจา อันไหนจะไวกว่ากัน  
    -ฉากเด็ด ศิษย์คิดล้างครู  ดาบ เคียวโซ่ ดาวกระจาย กระสุนปืน ปลิวว่อนทั่วห้องแน่นอนครับ มิติเสียงมันแหล่มมั่กๆ 
    เรื่องนี้คลอดออกมาเป็น bd พร้อมกับเสียง dts-hd master 5.1 โอ้ว แม่จ้าว.. 
    ตอนดูเป็นดีวีดี เสียงก็เด็ดขาดแล้วนะ ถ้าเสียงมาแบบ lossless ก็คงต้องเก็บเข้ากรุ bd อีกหนึ่งเรื่อง อย่างแน่นอน
    
    "จงชิงชังความอ่อนแอทั้งปวง
    ชิงชังมันในตัวผู้อื่น
    และเหนืออื่นใด ชิงชังมันในตัวเจ้าเอง"



    15.2012 (2009)(วันสิ้นโลก)
    (รายละเีอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    2012 วันสิ้นโลก  เป็นหนังที่ตั้งหน้าตั้งตารอ bd เพื่อที่จะดูฉาก CG สุดยิ่งใหญ่อลังการ
    ดูแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่า โดนมั่กๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก แผ่นดินถล่มที่แคลิฟอร์เนีย  ภูเขาไฟระเบิดที่เยลโลว์สโตน
    คลื่นสึนามิถล่มวอชิงตันดีซี และ ฉากเด็ด คลื่นยักษ์ถล่มเรือยักษ์  
    นอกจากภาพ CG สุดเนียนแล้ว  เสียง dts-hd master 5.1 ต้องขอบอกว่า มันแหล่มมั่กๆ  โดยเฉพาะซับวูฟเฟอร์ ปล่อยพลังออกมาแบบสุดๆ 
    และยังมีฉากในความทรงจำ อีก 4 ฉาก
    -ฉาก ปธน ผิวสี พูด กับเอเดรียน เปรียบเทียบคุณค่าของนักวิทยาศาตร์กับนักการเมือง  กินใจสุดๆ
    -ฉาก หมาพันล้านยูโร อิจฉาสุดๆ
    -ฉาก นิ้วกลางอรหันต์  สะใจสุดๆ
    -ฉาก จอห์น คูแซค กู้วิกฤตช่วงท้าย ดูแล้ว เห็นภาพของ วิล สมิธ ในเรื่อง id4     เหมือนกันสุดๆ
     นี่แหละ เอกลักษณ์ของเค้าเลย  โรแลนด์ เอมเมอริช




    16.The Day After Tomorrow (2004)(วิกฤตวันสิ้นโลก )
    (รายละเีอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    The Day After Tomorrow เป็นหนังมหันตภัย จากธรรมชาติ ที่ต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็ตรงที่ ไม่มีผู้ที่จะช่วยกอบกู้โลกใบนี้เอาไว้ได้
    อาจจะเป็นเพราะต้องการสื่อ ถึงผลของการที่มนุษย์ทำร้ายธรรมชาติ และ ผลนั้นก็ย้อนกลับมาทำลายมนุษย์เอง โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้   
    สำหรับผม ดูเรื่องนี้แล้วสะกิดใจ ถึงปัญหาสภาวะโลกร้อน เห็นผลของภัยธรรมชาติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ก็เพียงพอแล้ว
    ส่วนการดำเนินเรื่อง  จะดี ตื่นเต้น ถูกใจรึป่าว ไม่ได้คาดหวังไว้เลย
    ที่คาดหวังอย่างแรง จาก ผกก โรแลนด์ เอมเมอริช ก็คือฉาก CG ความยิ่งใหญ่ ความสมจริง และก็ไม่ผิดหวังเลย
    ไม่ว่าจะเป็น ฉากลูกเห็บถล่มโตเกียว  หิมะตกที่นิวเดลฮี พายุเทอร์นาโดถล่มแอลเอ  คลื่นยักถล่มนิวยอร์ก
    ตอนดูเป็นดีวีดี ก็แจ่มแล้วนะ แต่ตอนนี้มีเป็น bd มาพร้อมกับเสียง dts-hd master 5.1  โอ้ว แม่จ้าว  ซับวูฟเฟอร์ได้โดด เหยงๆ แน่เลย...
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 10:47.

  6. #36
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    17.Independence Day (1996)(อดี 4 สงครามวันดับโลก)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    หนังในช่วงก่อนปี 2000 ก็มักจะเป็นแนวภัยธรรมชาติ อุกาบาต เอเลี่ยนบุกโลก 
    ซึ่งเป็นสาเหตุต่างๆที่ทำให้โลกดับสูญ ตามความเชื่อต่างๆ ของหลายสำนัก
    หนังที่กระแสแรงที่สุดในยุคนั้น ก็คงไม่พ้น  Independence Day (สงครามวันดับโลก)  
    จำได้ว่า ดูสมัยนั้นรู้สึกชอบมั่กๆ หนังดูยิ่งใหญ่ อลังการณ์งานสร้างมั่กๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากรบ ฉากสถานที่ต่างๆถูกทำลาย 
    นอกจากแอคชั่นมันส์ๆ ก็มีฉากประทับใจ ที่ยังคงจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ 3 ฉาก 
    -ฉาก ป๋าวิล สมิธ ถูกยานเอเลี่ยนไล่ล่า ถึงแม้ว่ายานเอเลี่ยนจะมีเทคโน สุดล้ำแค่ไหน ยังงัยก็สู้สมองของมนุษย์โลกไม่ได้ สะใจจริงๆ
    -ฉาก ท่าน ปธน พูดปลุกใจนักบิน ก่อนออกรบ ฟังทีไรขนลุกทุกทีเลย
    -ฉาก ตาลุงขับเครื่องบินใบพัด สละชีพ พุ่งชนยานเอเลี่ยน ฉากนี้เห็นวีรบุรุษของโลก และที่สำคัญวีรบุรุษของลูก 
    ตาลุงซึ่งในอดีต คนทั่วไป มักมองว่า เป็นขี้เมา ขี้โกหก ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แต่สุดท้ายเป็นคนช่วยโลกนี้เอาไว้
    ถ้ามองในความรู้สึกของ ลูก ก็คงเศร้าจากการสูญเสีย แต่ลึกๆ มีความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่กับพ่อคนนี้มั่กๆ   ซึ้งจริงๆ
    
    แน่นอนเรื่องนี้คลอดมาเป็น bd พร้อมกับเสียง DTS-HD Master 5.1 สุดแจ่ม ก็ต้องเก็บเข้ากรุอีกหนึ่งเรื่อง
    ได้ยินแว่วๆ มาว่า โรแลนด์ เอมเมอริช   กำลังติดต่อ ป๋าวิล สมิธ เพื่อที่จะสร้างภาค 2 อยู่ ยังงี้ก็แจ่มเลยสิ



    18.King Kong (2005)(คิงคอง)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    King kong (deluxe extended edition) ความยาวหนัง 3 ชม กะอีก 20 นาที 
    หนังเรื่องนี้ ที่ชอบก็ตรงความสมจริงของแต่ละฉาก และ ที่ขาดไม่ได้เลยแอคชั่นมันส์ๆ
    ฉากที่ชอบ ก็มี ฉาก คองสู้กับทีเร็กซ์ 3 ตัว  , ฉากไล่ล่ากลางเมืองนิวยอร์ก และ ฉากสุดคลาสสิค คองปีนตึกเอมไพร์ สเตท
    โดยเฉพาะฉากสู้กับทีเร็กซ์ เสียงย่านความถี่ต่ำลงลึกมั่กๆ แน่น ตึ๊บๆ ถ้าใครมีซับวูฟเฟอร์ พลังระดับ 500 วัตต์ ขึ้นไป 
    แล้วเร่งเสียงเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ระวังกระจกแถวๆ นั้นจะ แตกเอานะครับ  
    หนังเรื่องนี้ได้รับการการันตี ความสมจริงและคุณภาพเสียง จาก 3 รางวัลออสการ์ visual effects , sound mixing and sound editing
    ดังนั้น bd แผ่นนี้ จึงต้องเอาขึ้นหิ้งเป็นแผ่นเทสเสียงอันดับ 1 ในใจผมเลยครับ เสียง dts-hd master 5.1 มันสุดโค่ย มั่กๆ ขอบอก...



    19.Fantasy VII: Advent Children (2004)(ไฟนอล แฟนตาซี 7: สงครามเทพจุติ)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    
    Final Fantasy VII :Advent Children (Complete) ในที่สุดพี่จีน ก็ ปล่อย bd อะนิเมะอันดับหนึ่งในดวงใจ ของผม ออกมาซะที
    รอเกือบปีแล้วนะเนี่ย  คราวนี้จะได้เห็น ทีฟา สุดน่ารัก แบบ ชัดๆ ซักที แล้ว ก็ สุดเท่ห์ ของผม เซฟิรอธ
    ในส่วนภาพกับเสียง ก็ คงไม่ต้องพูดถึง bd แจ่มอยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจก็ คือ ความยาวหนังที่เพิ่มขึ้นมา อีก 30 นาที
    โดยมีการนำฉากเข้าไป ตัดต่อใหม่ ทั้งหมด ทำให้การดำเนินเรื่อง สมบูรณ์กว่าตอนเป็นดีวีดี
    เชื่อว่า ทั้ง สาวกแฟนพันธ์แต๊ และ ไม่แต๊  ดูดีวีดี แล้ว ต้องรู้สึก ว่า เนื้อเรื่อง มันขาดๆ หายๆ ไป ไม่สมบูรณ์
    แต่ ถ้ามาดู bd แล้ว ต้องบอกว่าเนื้อเรื่อง เนียน ขึ้น เยอะ  คุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ bd แผ่นนี้
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 10:55.

  7. #37
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    20.Michael Jackson's This Is It (2009)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    michael jackson 's this is it แผ่น bd ออกมาให้ยลโฉมกันเรียบร้อย 
    ดูผ่านๆ แล้ว ภาพกับเสียง  dts-hd master 5.1 กิ๊ก มั่กๆ มีเนื้อร้อง และ บรรยายไทย ด้วย
    เด๋ว ได้ดูแบบเต็มๆ แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกที
    แต่ตอนนี้ ต้องเก็บ bd แผ่นประวัติศาสตร์ เข้ากรุก่อน เด๋วหายอีก..




    21.Wanted (2008)(ฮีโร่เพชฌฆาตสั่งตาย)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    แองจี้ นางเอกสุดเซ็กซี่ ของผมเลย ดูแววตาของชีสิ ดูลึกลับ ซ่อนเร้น น่าค้นหาแค่ไหน
    ส่วนปากก็อิ่มสุดๆ น่าจุ๊บ มั่กๆ นอกจากสรีระภายนอกสุดแสนจะเปอเป๊ก แล้ว
    จิตใจ ก็งามแต๊ๆ ชอบไปช่วยเด็กๆ ยากไร้ ที่ประเทศด้อยโอกาส ต่างๆ
    ดังนั้น ก็ต้องติดตามผลงานชี มาเรื่อยๆ เรื่องล่าสุดนี่เลย wanted ชีก็เล่นเป็นนักฆ่า ที่ดูนิ่งมั่กๆ
    bd ออกมาพร้อมกับเสียง  dts-hd master 5.1  ต้องบอกว่า เสียงมันแหล่ม มั่กๆ ไม่ว่า จะเป็น ฉากไล่ล่า บนถนน
    ฉากดวลปืน ฉากที่จำได้ติดตา ก็ตอนแองจี้ ขับรถไปรับพระเอก กลางถนน สุดเวอร์เลย




    22.Top Gun (1986)(ท็อปกัน ฟ้าเหนือฟ้า)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    topgun หนังเรื่องนี้ ทำให้ผมรู้จัก กับพระเอกสุดหล่อ สุดเท่ห์ ขวัญใจของผม คนนี้เลย ทอม ครู้ส
    สมัยนั้น ชอบเล่นพวกเครื่องบินอยู่แล้ว พอดูเรื่องนี้ ก็ ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ฉากที่จำได้จนถึงทุกวันนี้
    ก็คือ ฉากที่เครื่องบินของพระเอก กำลังจะถูก ล็อคเป้า เพียงเสี้ยววินาที
    แล้วพระเอก ก็ ขับเครื่องตีลังกา มาอยู่หลังเครื่องบินอีกฝ่าย แล้ว ก็ สอยโลด..
    ตอนนี้ bd ออกมาแล้ว พร้อมกับเสียงไอพ่นแจ่มๆ  dts-hd master 6.1 และที่ขาดไม่ได้โบนัส mv สุดฮอท 4 เพลง
    ก็ไม่พลาดที่จะเก็บเข้ากรุ bd อีกเรื่องนึง  
    
    ปล.หนังเรื่องนี้ ทำให้แว่นตา rayban รุ่น aviator ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า จนถึงทุกวันนี้เลย
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:03.

  8. #38
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    23.Speed (1994)(เร็วกว่านรก )
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    ถ้าพูดถึงหนัง ที่ดูแล้ว ลุ้นระทึกแบบสุดๆ และ ยาวๆ ก็ต้องเป็นเรื่องนี้เลย speed
    พอจะจำได้ว่า ตอนดูครั้งแรก ลุ้นตั้งแต่ต้นเรื่อง ตอนระเบิดลิฟท์ จน ถึงขึ้นไปอยู่บนรถบัส
    โดยเฉพาะช่วงอยู่บนรถบัส แล้วต้องควบคุมความเร็วรถ  ทั้งที่ต้องวิ่งผ่านย่านการจราจรคับคั่ง
    ยิ่งตอนวิ่งถึงจุดถนนขาด หัวใจเต้นตุ๊บๆ เลย  ตอนนี้ bd คลอดแล้ว พร้อมกับเสียง dts-hd master 5.1
    นอกจากเสียงสุดแจ่มแล้ว โบนัส มีเกมส์ ทำลายระเบิด และ ปลดชนวนระเบิด เหมือนในหนังเด๊ะเลย
    มี สายสี แดง ดำ ฟ้า ให้เลือกตัด ลองเล่นแล้ว ตูมๆ เลยครับ
    
    ปล.หนังเรื่องนี้หละ เป็นแรงบันดาลใจให้ผม ตัดผมทรง สกินเฮด  หล่อซะไม่มี



    24.Transformers (2007)(มหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาล)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    transformers เป็นเรื่องแรก ที่ได้เห็นความเป็น hi-def ของบลูเรย์ 
    วันนั้นไปเดินดูจอแอลซีดี ที่แผนกโซนี่ ณ ห้างดังแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน
    เห็นพนักงาน เค้ากำลังลองแผ่นบลูเรย์ transformers(zone a เมกา)  
    แน่นอน ต้องเข้าไปชม ตามกระแสวัฒธรรมที่มีมานาน ไทยมุง นั่นเอง
    ยืนดู อยู่นานพอสมควร  พยายามจะมองหาที่ติ แต่หาไม่เจอเลยอะ
    ภาพนี่คมกริ๊บๆ บาดตาจริงๆ  เสียดายที่เสียงออกมาจากทีวี 2 ช่องเอง
    ถ้าต่อเข้ากับชุดลำโพง 5.1 คงต้องไปหาเสื่อ มาปูนอนดูแน่เลย;)



    25.Transformers: Revenge of the Fallen (2009)(ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 2 อภิมหาสงครามแค้น)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    หนังที่หลายๆ คน ตั้งหน้าตั้งตาคอยในปี 2009 ก็ต้องเป็นหนังภาคต่อเรื่องนี้เลย  Transformers 2: Revenge of the Fallen
    ส่วนไปดูแล้ว จะชอบหรือไม่ชอบ ก็ขึ้นอยู่ว่า ก่อนเข้าไปดู คาดหวังไว้มากน้อยแค่ไหน  
    ส่วนตัวเรื่องนี้ ผมขอแค่เห็นหุ่นยนต์แปลงร่าง กับ megan fox ก็คุ้มแล้วอะครับ :p
    สำหรับ ชาว bd เชื่อว่า คงเก็บเรื่องนี้ กันทุกคนเป็นแน่แท้ ยิ่งมีตัว IMAX Big Screen Edition ออกมาด้วย
    ก็ต้องไม่พลาดแน่นอนอยู่แล้ว  
    
    ปล.งาน bav2009 ที่เค้าเปิดโชว์ก็เป็นเวอร์ชั่น IMAX Big Screen Edition นี่หละครับ
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:10.

  9. #39
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    26.The Dark Knight (2008)(แบทแมน อัศวินรัตติกาล)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    the dark knight เป็นหนังที่ทำให้ผมประหลาดใจมากที่สุด เพราะ เคยดู ภาค 1-5 แล้ว ก็ดูเพลินๆ ดี ไม่มีอะไรประทับใจมากเท่าไหร่
    ดังนั้น the dark knight พอเข้าฉายในโรง ก็ ไม่คิดที่จะตีตั๋วเข้าไปดู  แต่ พอได้ยินว่าหนังเรื่องนี้ ทำรายได้ เข้าใกล้กับหนัง titanic
    ก้อ ต๊กกะจัย หมดเลย เป็นไปได้ ยังงัยเนี่ย เพื่อที่ จะคลายข้อสงสัย ก็เลยต้องไปตีตั๋ว ดูสักหน่อย 
    พอดูจบ ก็ ถึงบางอ้อ นอกจากแอคชั่น มันส์ๆ ดูเร้าใจแล้ว เนื้อเรื่อง ก็ น่าติดตามมั่กๆ 
    โดย เฉพาะ บทของโจ๊กเกอร์ เป็น ตัวร้ายที่ ฉลาดและบ้าดีเดือด มั่กๆ และ ท่าน heath ledger  ก็เล่นได้ เยี่ยมมั่กๆ 
    รางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายสมทบ  ก็คงไม่หนีไปไหน  ท่านสุดยอดมั่กๆ




    27.Black Hawk Down (2001)(ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    หนังสงครามอันดับหนึ่งในใจผม ก็ คงไม่พ้นเรื่อง saving private ryan แต่ไม่ยอมคลอดเป็น bd สักกะที
    ดังนั้น ก็ ต้องดูเรื่องที่มีเป็น bd แล้ว ต้องนี่เลย black hawk down  จำได้ว่า สมัยเป็นดีวีดี ตามหาแผ่น superbit ที่มีเสียง dts อย่างเมามัน
    สุดท้าย ก็ ได้มาครอบครองสมใจ  ฉากที่ชอบก็มีหลายฉาก แต่ที่เด็ดๆ มี 2 ฉาก คือ ฉากที่ คอปเตอร์ กำลัง จะตก ใบพัด ค่อยๆ หมุน ควับๆ ๆ
    มิติ เสียง เยี่ยมมั่ก นั่งดู รู้สึก เหมือน ใบพัด จะตัดผ่านกลางลำตัวผมเลย  พอเครื่องตก ก็ถึงทีของซับวูฟเวอร์ ทำงาน ตึ๊บๆ เลย
    อีก ฉาก ก็เป็น ฉากรบตอนกลางคืน กระสุนโปรย ปราย ปาน สายฝน  ลำโพง หน้า กลาง หลัง ซับ ทำงาน เต็มที่
    ดูแล้วรู้สึก เหมือนไปนั่งอยู่ในสมรภูมิ จริงๆ เลย   พอเรื่องนี้ คลอด ออกมาเป็น bd ก็ต้องเก็บเข้ากรุ อีกหนึ่งเรื่องในทันใด





    28.Hit Man: David Foster & Friends (2008)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างเลยครับ)
    Code:
    
    
    
    
    You're the Inspiration:the Music of David Foster & Friends (รีวิว เล็กๆ ใน "มุมขอเล่า" ด้านล่างนะครับ)
    ถ้าใคร ได้ไปเดินงาน bav2009 คงเห็น คอนเสิร์ท ตัวนี้ เปิดตลอดทั้งงานเป็นแน่แท้
    ถ้าพูดถึง แผ่นคอนเสิร์ท ตามงานแสดงเครื่องเสียง ในอดีต แผ่น dvd คอนเสิร์ท ที่นิยมนำมาเปิด ก็คงไม่พ้น eagles ; hell freeze over (zone1)
    แต่พอมาถึงยุค bd ก็คงต้องเป็น david foster & friends ตัวนี้หละครับ เป็นคอนเสิร์ท ที่รวมเพลงสุดฮิตในอดีต นำมาขับร้องโดยเหล่า ศิลปินคุณภาพ 
    ก็คงไม่แปลก  ถ้าจะเป็นคอนเสิร์ท bd ขึ้นหิ้ง ตามงานแสดงเครื่องเสียง และ ตามบ้านเหล่าสาวก bd 
    
    ส่วนตัวชอบ katharine mcphee มั่กๆ น้ำเสียงของชีใสกิ๊กๆ รูปร่างหน้าตา ก็ใสกั๊กๆ  
    สงสัยหลงเสน่ห์ ชีคนนี้เข้าแล้ว หละสิเรา
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:18.

  10. #40
    Blu-ray Disc ออฟไลน์ Silver Merchant (พ่อค้า แม่ค้าตัวจริง)
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    โพส
    2,305

    ค่าปกติ

    29.G.I. Joe: The Rise of Cobra (2009)(จีไอโจ สงครามพิฆาตคอบร้าทมิฬ)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    หนังแอคชั่น ส่วนใหญ่ ที่เคยดูมา ก็จะมีฉากแอคชั่นมันส์ๆ ก็ 1-2 ฉาก แต่สำหรับ G.I. Joe: Rise of Cobra ต้องบอกว่า โอ้ว แม่จ้าววว
    ฉากแอคชั่นมันส์ๆ มีให้ดูตั้งแต่ ต้นเรื่อง ยัน ท้าย เรื่อง แทบไม่ต้องหายใจหายคอ กันเลย  แต่ละฉาก ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์สุดไฮเทคต่างๆ
    ดูตื่นตาตื่นใจ มั่กๆ  ใครที่มีชุดโฮมเตียเต้อ ก็ ต้องบอกว่า ลำโพงทุกตัวทำงานหนักมั่กๆ กระสุนเอย ระเบิดเอย ปลิวว่อนทั่วห้องแน่นอนครับ
    เป็นหนังแอคชั่น สำหรับ คอแอคชั่นมันส์ๆ โดยแท้ 
    ดังนั้น หนังเรื่องนี้ ก็ต้องยกให้เป็นหนังแอคชั่น สุดมันส์ สุดโค่ย อันดับ 1 ในใจของผมเลยครับ
    ยิ่งเป็น bd ด้วย ระบบเสียง มาแบบเต็มๆ บิต  DTS-HD Master 5.1 ก็ต้องเก็บมาอยู่ในคอลเล็คชั่น อย่างแน่นอน
    อีกนิดส์ Sienna Miller ปกติเห็นชีในผมสีทอง ก็ดูสวยงามเหมือนเจ้าหญิง แต่เรื่องนี้ ชีมาในผมยาวสีดำ  เซ็กซี่มั่กๆ  เป๊กๆ เลย




    30.The Bourne 1-3
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    The Bourne เป็นหนังภาคต่อ ที่มีเนื้อเรื่องแปลกใหม่ มีจุดหักมุม คดเคี้ยวไปมา มีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เรื่อย
    ทำให้น่าดู น่าติดตามตั้งแต่ ภาคแรก จน ภาคสาม และหวังเล็กๆ น่าจะมี ต่ออีกนะครับ
    และ จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้ ก็คือ ตัวของ เจสัน บอร์น ไม่ว่า จะเป็น ทักษะการต่อสู้ ด้วยมือเปล่า ที่ ดุดัน  และสมจริง
    ปฏิภาณ ไหวพริบ ความสุขุม นิ่ง ซึ่ง เป็น บุคลิกที่โดดเด่น ของสายลับ
    
    เชื่อว่า น่าจะมีหลายคน มักจะเอา เจสัน บอร์น(สายลับอเมริกัน) ไปเปรียบเทียบ กับ เจมส์ บอนด์ 007 (สายลับอังกฤษ)
    ส่วนตัว สมัย ละอ่อน ก็ชอบ เจมส์ บอนด์ 007  เพราะมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สาวสวย รถสปอร์ตงามๆ ความสามารถเฉพาะตัว เลิศเลอเปอเป๊ก
    แต่พอปัจจุบัน รู้สึก ว่า เจมส์ บอนด์ 007 ดูเป็นอุดมคติ เกินไป ซึ่งต่างจาก เจสัน บอร์น ที่ดูเป็นคนจริงๆ ทำให้ดูหนังแล้วรู้สึกร่วมกับตัวหนังมากกว่า
    และ ความสุขุม นิ่ง  เด็ดขาด นี่หละ ที่ สายลับอเมริกัน มี เหนือ สายลับอังกฤษ(จุดอ่อน อยู่ที่สาวสวย เหมือนผมเดี๊ยะ!!
    
    ดังนั้น ก็ต้องยกให้เป็นหนังภาคต่อ ในดวงใจอันดับ 1 ของผมไปเลยครับ
    สำหรับ bd  ภาพกิ๊กๆ เสียง DTS-HD Master 5.1 กุ๊กๆ ก็ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอนครับ;)




    31.The Shawshank Redemption (1994)(ชอว์แชงค์ มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง)
    (รายละเอียด เลื่อนดูด้านล่างครับ)
    Code:
    
    
    
    
    The Shawshank Redemption (มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง)  เป็นหนังที่หยิบขึ้นมาดูบ่อยมั่กๆ
    โดย เฉพาะช่วงเวลาที่รู้สึกเหนื่อย(ใจ) ทั้งๆที่ดูมาแล้วหลายรอบ จำเนื้อเรื่องได้ทั้งหมด
    แต่ทุกครั้งที่ดูจบ ก็ทำให้รู้สึก มีพลัง อย่างประหลาด  น่าจะเป็นเพราะการดำเนินเรื่องที่ดี และความสามารถของนักแสดง
    ที่ทำให้ คนดู รู้สึกร่วมไปกับตัวหนัง ในทุกครั้งที่ได้ดู 
    ก็เลยต้องยกให้เป็นหนังในดวงใจอันดับ 1 ของผมไปเลย
    ตอนนี้มี bd มาให้เก็บ ก็ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน
    "ความกลัวทำให้เธอถูกขัง ความหวังปล่อยเธอให้เป็นอิสระ"
    Last edited by Blu-ray Disc; 21-01-2014 at 11:27.

Bookmarks

กฎระเบียบในการโพส

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
  • BB code is ใช้ได้
  • Smilies are ใช้ได้
  • [IMG] code is ใช้ได้
  • [VIDEO] code is ใช้ได้
  • HTML code is งดใช้